Friday, June 8, 2007

คุณเคยสงสัยมั้ยคะว่า...

เช้าวันหนึ่ง ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อากาศภายนอกแจ่มใส หลังจากเดินช้อปปิ้งที่ duty free จนชุ่มปอด( ไม่รู้มันจะสร้างทำไมให้ใหญ่โต ไอ้...ป้ายโฆษณาใหญ่เป็นสิบเท่าของป้ายทางไปห้องน้ำ) สาวไทยนางหนึ่งเช็คอินที่ประตูทางออกเครื่องเรียบร้อยแล้ว และกำลังลากกระเป๋าแซมโซไนท์(ปลอม)ใบเก๋พร้อมด้วยบอร์ดดิ้งพาสเข้าสู่ประตูงวงที่ยื่นเข้าไปหาตัวเครื่องบิน
ขณะที่พุ่งตรงไปหาที่นั่งอย่างสบายใจ เก็บสัมภาระไว้ในที่เก็บของเหนือศรีษะเรีบยร้อย สาวเจ้าก็กำลังหยิบโทรศัพท์มือถือ โนเกีย(รุ่นเอ็นเหี้ยอะไรเนี่ยแหละ)ออกมาโทรเพื่อบอกลาสามีว่ากำลังจะกลับไปเยี่ยมแม่ที่อุดร
"ขอโทษนะคะ ขออนุญาตผู้โดสารค่ะ กรุณาปิดโทรศัพท์มือถือด้วยนะคะ" สาวแอร์บอกกล่าวด้วยน้ำเสียงขอร้อง
"ใช้ไม่ได้เหรอ เครื่องก็ยังไม่ได้ไปไหนหนิ อะไรกัน" สาวอุดรมองค้อนแล้วคิด "เอ้ะอีนี่กูจะโทรหาริชาร์ดซะหน่อย"
"ไม่ได้ค่ะ ถ้ายังงัยก็ขออนุญาตปิดเครื่องเลยนะคะ ขอบคุณค่ะ" แอร์สาวบอกพร้อมยืนไซโคให้ชะนีที่นั่งอยู่ปิดเครื่องโดยเร็ว
สาวเดินทางไม่ฟังเสียง พอโทรติดก็คุยหน้าตาเฉย " hello darling! yet yet me go to my mom at Udon...... Yet yet me come back 3 days...... U wait me airport ok?.... me go now, this airline shit! me no like. ok? bye"

เหตุผลก็คือ เราไม่สามารใช้เครื่องมืออุปกณ์สื่อสารขณะที่เข้าใกล้ตัวเคื่องบินได้นั้น เพราะว่าด้านล่างของลานจอดเครื่องบินในชั้นดินที่มองไม่เห็น มันคือท่อน้ำมันค่ะ ท่อใหญ่มากค่ะ เพื่อใช้สูบขึ้นเครื่องเป็นเชื้อเพลิง เครื่องแต่ละเครื่องเติมน้ำมันทีละเป็นพันลิตร มีรายงานจากองค์กรอะไรไม่รู้ กรูจำไม่ได้ บอกว่าการใช้อุปกรณ์สื่อสารอาจส่งผลต่อระบบควบคุมน้ำมันหรือระบบเผาไหม้ค่ะ ทุกท่านคงอยากไปถึงจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ คงไม่มีใครอยากเป็นเหยื่อของน้ำมันระเบิดตายคาเครื่องใช่มั้ยเคอะ

สาวแอร์คิด "ปิดเร็วๆสิอีสัด กูยังไม่อยากตายกับมึงนะ กูยังไม่มีผัวเลย!!!"

โปรดติดตามตอนต่อไป...

1 comment:

กฤษณปรุต ภหุโภคยา said...

ทำไมอัพกระปิบกระปอยแบบเน้ เอาอีกกกกกก ชั้นอยากอ่านอีกกกกกกก